การจะเลือกซิมที่สัญญาณดีที่สุดในอเมริกานี่มันไม่ง่ายเหมือนเดินเข้าเซเว่นบ้านเรานะ เพราะแต่ละค่ายก็มีข้อดีข้อเสียต่างกันไป แถมยังมีเรื่องของพื้นที่ให้บริการ คลื่นความถี่ และแพ็กเกจอีกเพียบ! ไม่ต้องกังวลไป วันนี้พี่ๆจะมาเจาะลึก ให้น้องๆที่กำลังเตรียมตัวไป Work and Travel ได้ซิมที่ถูกใจ สัญญาณปังๆ ใช้ได้ทั่วอเมริกาแน่นอน เตรียมตัวให้พร้อม แล้วมาดูกันเลย!
ทำความเข้าใจเครือข่ายมือถือหลักในอเมริกา :
ก่อนอื่น มาทำความรู้จักกับ 3 พี่ใหญ่ในวงการโทรคมนาคมของอเมริกากันก่อน :
Verizon : เจ้านี้เค้าขึ้นชื่อเรื่องความครอบคลุมของสัญญาณที่สุดในบรรดาทั้งหมด ไม่ว่าน้องๆจะไปเที่ยวอุทยานแห่งชาติที่ห่างไกล หรือเมืองเล็กๆ ที่ซ่อนตัวอยู่ สัญญาณ Verizon มักจะตามไปถึง ทำให้หลายคนยกให้เป็นตัวเลือกอันดับต้นๆ โดยเฉพาะน้องๆที่เข้าร่วมโครงการ Work and Travel แล้วต้องเดินทางไปยังเมืองเล็กๆ หรือที่ทำงานไกลเมือง
AT&T : เป็นอีกค่ายที่มีเครือข่ายขนาดใหญ่ครอบคลุมพื้นที่กว้างขวางในอเมริกา คุณภาพสัญญาณก็ถือว่าดีใช้ได้เลยทีเดียว แถมยังมีแพ็กเกจให้เลือกหลากหลาย เหมาะสำหรับคนที่ต้องการความสมดุลระหว่างความครอบคลุมและราคา เหมาะกับน้องๆที่ไป Work and Travel แล้วอยากได้ซิมที่ใช้งานได้ดีในหลายพื้นที่
T-Mobile : ค่ายนี้อาจจะไม่ได้ครอบคลุมเท่าสองเจ้าแรก แต่จุดเด่นของเค้าคือเรื่องความเร็วของอินเทอร์เน็ต และมักจะมีโปรโมชั่นที่น่าสนใจ โดยเฉพาะเรื่องของดาต้าแบบไม่จำกัด (unlimited data) ถ้าน้องๆในโครงการ Work and Travel เน้นเล่นเน็ตหนักๆ ดูสตรีมมิ่งบ่อยๆ T-Mobile อาจจะเป็นตัวเลือกที่โดนใจ
แล้วจะเลือกค่ายไหนดีล่ะ?
คำถามยอดฮิตที่ไม่มีคำตอบตายตัว! การจะรู้ว่าค่ายไหน “ดีที่สุด” มันขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง:
จุดหมายปลายทาง : น้องๆจะไปเที่ยวหรือทำงานในเมืองไหนบ้าง? สำหรับน้องๆที่เข้าร่วมโครงการ Work and Travel ควรเช็คแผนที่ครอบคลุมสัญญาณ (coverage map) ของแต่ละค่ายในบริเวณที่น้องๆจะไปให้ละเอียด จะช่วยให้เห็นภาพชัดเจนขึ้นเยอะเลย
ปริมาณการใช้งาน : น้องๆเน้นโทรศัพท์ เล่นเน็ต หรือทั้งสองอย่าง? ถ้าเน้นโทรอย่างเดียว อาจจะมองหาแพ็กเกจที่โทรฟรีเยอะๆ แต่ถ้าอยู่ในโครงการ Work and Travel แล้วอยากแชร์ประสบการณ์ผ่านโซเชียล มีเดีย หรือคอลหาครอบครัวบ่อยๆ ก็ต้องเลือกแพ็กเกจที่มีดาต้าเยอะๆ หรือไม่จำกัดไปเลย
งบประมาณ : แต่ละค่ายก็มีราคาแพ็กเกจที่แตกต่างกันไป ลองเปรียบเทียบราคาและสิ่งที่ได้รับให้คุ้มค่ากับงบประมาณที่เราตั้งไว้ โดยเฉพาะน้องๆ Work and Travel ที่ต้องวางแผนค่าใช้จ่ายระหว่างอยู่ที่อเมริกา
ระยะเวลาการใช้งาน : น้องๆในโครงการ Work and Travel ซึ่งถือว่าไปในระยะสั้นๆ อาจจะมองหาซิมแบบเติมเงิน (prepaid) ที่ใช้งานได้ตามจำนวนวันที่ต้องการ หรืออาจจะลองสอบถามกับทางค่ายนั้นๆ ว่ามีแพ็กเกจไหนที่เหมาะกับระยะเวลาของน้องๆ
เคล็ดลับเพิ่มเติมในการเลือกซื้อซิม :
เช็ค Coverage Map : ย้ำอีกทีว่าสำคัญมาก! เข้าไปดูแผนที่ครอบคลุมสัญญาณของแต่ละค่ายในเว็บไซต์ของเค้าได้เลย จะได้เห็นว่าพื้นที่ที่เราจะไป โดยเฉพาะเมืองทำงานของน้องๆในโครงการ Work and Travel สัญญาณดีแค่ไหน
อ่านรีวิว : ลองหาอ่านรีวิวจากผู้ใช้งานจริง หรืออาจจะลองสอบถามกับทางเมเนเจอร์หรือพี่ๆที่เคยไป Work and Travel ว่าเค้ามีประสบการณ์กับซิมค่ายนั้นๆเป็นอย่างไรบ้าง
เปรียบเทียบราคาและแพ็กเกจ : อย่าเพิ่งรีบตัดสินใจ ลองดูหลายๆค่าย เปรียบเทียบราคา ปริมาณดาต้า โทรฟรี ข้อเสนอพิเศษต่างๆ โดยเฉพาะถ้าน้องๆไปเป็นกลุ่มในโครงการ Work and Travel สามารถซื้อแพ็กเกจแบบ Family เพื่อประหยัดมากขึ้นได้
พิจารณา eSIM : สำหรับมือถือรุ่นใหม่ๆ ที่รองรับ eSIM อาจจะเป็นทางเลือกที่สะดวก ไม่ต้องใส่ถอดซิมจริง สามารถเปิดใช้งานได้ง่ายๆ ผ่าน QR Code แต่ก็ต้องเช็คให้ดีว่าค่ายที่เราสนใจรองรับ eSIM หรือเปล่า
ซื้อที่ไหนดี?
สนามบิน : สะดวก แต่ราคาอาจจะสูงกว่าที่อื่น
ร้านค้าของผู้ให้บริการโดยตรง : มีพนักงานให้คำแนะนำ โดยเฉพาะน้องๆในโครงการ Work and Travel ที่มีเวลาไม่มาก แนะนำให้ตรงไปร้านโดยตรงเพื่อความมั่นใจ
ร้านค้าปลีกทั่วไป (เช่น Walmart, Target) : มีซิมแบบเติมเงินให้เลือกหลากหลาย ราคาอาจจะถูกกว่า
ออนไลน์ : สะดวกสบาย สั่งซื้อล่วงหน้าได้ แต่ต้องเผื่อเวลาจัดส่ง
สำหรับน้องๆที่ไม่อยากเปิดซิมที่อเมริกาแล้วอยากจะเปิดเป็น Roaming ไปแทน ซึ่งเป็นอีกหนึ่งวิธีการที่ไม่ได้แย่นัก แต่ว่าค่าใช้จ่ายจะค่อนข้างสูงเลยทีเดียว เพราะว่าโครงการ Work and Travel มีระยะเวลาเข้าร่วมโครงการทั้งหมด 3-4 เดือน ขึ้นอยู่กับน้องๆแต่ละคน